สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) ชี้เลือดจระเข้มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด พร้อมมีโปรตีนช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย หนุนทำเป็นอาหารเสริมรูปแบบใหม่ แคปซูล เลือดจระเข้ เพื่อสะดวก รับประทานได้ง่าย เร่งหากระบวนการเก็บรักษาที่เหมาะสมเพื่อคงคุณภาพ ความสะอาด สร้างความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค
จระเข้ เป็นสัตว์เศรษฐกิจที่นิยมเลี้ยงเป็นการค้า โดยผลผลิตหลักที่มีการส่งออกไปยังต่างประเทศ ได้แก่ หนังจระเข้ หรือส่วนอื่นๆอย่างเนื้อ กระดูก เครื่องใน รวมถึงเลือดจระเข้ โดยเฉพาะเลือดจระเข้จะเป็นผลผลิตที่เหลือจากอุตสาหกรรมดังกล่าว โดยขณะนี้มีประชาชนทั้งในและนอกประเทศนิยมนำมาบริโภคเป็นอาหารเสริมและบำรุงร่างกาย ทั้งนี้อาจมีเหตุผลเนื่องจากฮีโมโกลบินของจระเข้มีโครงสร้างพิเศษกว่าของคนทำให้จระเข้สามารถดำน้ำได้เป็นเวลานานทั้งที่หายใจด้วยปอดเช่นเดียวกับคนและมีองค์ประกอบภายในเลือดอีกหลายชนิดที่ทำให้จระเข้มีความสามารถในการป้องกันตัวเองจากการบุกรุกของเชื้อแบคทีเรีย โดยจะเห็นได้จากกรณีที่เกิดการต่อสู้กันของจระเข้แล้วเกิดแผลขนาดใหญ่ขึ้น จระเข้ตัวนั้นสามารถอาศัยอยู่ในน้ำที่มีเชื้อโรคจำนวนมากและแผลที่เกิดก็หายสนิทโดยไม่มีการติดเชื้อ
โครงการกระบวนการที่เหมาะสมในการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์เลือดจระเข้แห้ง โดยหนึ่งในทีมวิจัยได้แก่ นายชูศักดิ์ เศรษฐ์สัมพันธ์ ภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.)จึงได้ศึกษาโดยใช้การตรวจสอบทางจุลชีววิทยาเพื่อหากระบวนการที่เหมาะสมในการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์เลือดจระเข้แห้งในรูปของแคปซูล จากการศึกษาทางห้องปฎิบัติการพบว่า เลือดจระเข้มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดและการศึกษาในอัลลิเกเตอร์ซึ่งเป็นจระเข้ชนิดหนึ่งที่พบมากในประเทศสหรัฐอเมริกา แสดงผลการทดลองที่สนับสนุนประสิทธิภาพที่ดีของเลือดจระเข้ในการทำลายแบคทีเรียไวรัสและโพรโทซัว จะเห็นได้ว่าจระเข้เป็นสัตว์สมุนไพรที่สำคัญ มีผู้บริโภคนิยมใช้เลือดของจระเข้เป็นอาหารเสริม โดยเฉพาะในจีน ฮ่องกงและไต้หวัน นิยมบริโภคเลือดจระเข้เพื่อบรรเทาอาการหอบหืด ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการเพิ่มมูลค่าของผลผลิตที่ได้จากจระเข้จึงได้มีการแปรรูปเลือดจระเข้ให้อยู่ในรูปของผลิตภัณฑ์เลือดจระเข้แห้ง
ด้านความปลอดภัยของผู้บริโภคนั้นได้มีการศึกษาพบว่า จระเข้ที่เพาะเลี้ยงใน
ประเทศไทยปราศจากหนอนพยาธิในเลือดและลำไส้ เมื่อทดสอบความปลอดภัยในสัตว์ทดลองโดยให้หนูทดลองบริโภคเลือดจระเข้ทั้งแบบเลือดสดและเลือดแห้งเป็นอาหารเสริม จะไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโลหิตวิทยา ค่าทางชีวเคมีในเลือดและไม่ก่อให้เกิดพยาธิสภาพกับอวัยวะภายในของหนูทดลอง โดยกระบวนการแปรรูปเลือดจระเข้ให้เป็นผลิตภัณฑ์เลือดจระเข้แห้งนั้นจะต้องคัดเลือกวัตถุดิบที่สะอาดมีคุณภาพดี เก็บรักษาภายใต้สภาวะที่ป้องกันการปนเปื้อน มีบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุที่ไม่ทำปฏิกิริยากับอาหารและมีมาตรการประกันคุณภาพของอาหารเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค
วิธีทดลองคร่าวๆ ในโครงการนี้ได้แก่ ศึกษาข้อมูลพื้นฐานกระบวนการเจาะเก็บเลือดจระเข้และการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์เลือดจระเข้แห้ง อาทิ ตรวจวิเคราะห์เลือดจระเข้สด เก็บตัวอย่างเลือดจากจระเข้พันธุ์ไทย ทำการตรวจสอบทางจุลชีววิทยาได้แก่ การตรวจวิเคราะห์จำนวนประชากรจุลินทรี หรือผลิตเลือดจระเข้ภายใต้ความเย็นจัดโดยเก็บเลือดภายใต้ความเย็นจัด จากนั้นระเหิดแห้งเลือดโดยใช้เครื่อง Freeze dryer นำเลือดที่บดละเอียดแล้วมาบรรจุใส่แคปซูลด้วยเครื่องบรรจุแคปซูลกึ่งอัตโนมัติและเปรียบเทียบกับแคปซูลเลือดจระเข้ที่ได้จากการทำแห้งด้วยความร้อน รวมทั้งศึกษาสภาพของแคปซูลเลือดจระเข้แห้งที่เก็บในอุณหภูมิต่างๆทุกสัปดาห์ และวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ
ผลการทดลองโดยสรุปพบว่า การผลิตเลือดจระเข้แต่เดิมจะใช้วิธีใส่เลือดจระเข้ในถาดแล้วตากแดดจนได้เลือดจระเข้แห้ง ซึ่งต่อมาได้พัฒนาโดยการทำแห้งด้วยความร้อนในตู้อบที่ตั้งอุณหภูมิในการอบโดยทั่วไปสูงกว่า 60 องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิสูงที่ใช้นี้ทำให้โครงสร้างของโปรตีนเกิดความเสียหายแล้วในกระบวนการนี้ทำในระบบเปิด ซึ่งมีโอกาสมากในกระบวนการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์เลือดแห้งและก่อให้เกิดผลเสียต่อผู้บริโภคได้ แต่ในการศึกษานี้จะใช้วิธีทำเลือดให้แห้งเพื่อคงสภาพของโปรตีนต่างๆไว้ให้มากที่สุดหรือไม่เปลี่ยนแปลงโดยระเหิดแห้งภายใต้อุณหภูมิเย็นจัดหรือแบบเยือกแข็ง
หนึ่งในทีมวิจัย กล่าวอีกว่า การศึกษาครั้งนี้ใช้เพียงการทดสอบทางจุลชีววิทยาในการหากระบวนการที่เหมาะสมสำหรับการเก็บรักษาเลือดจระเข้แห้ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่ดีของผลิตภัณฑ์ในด้านความสะอาดและความปลอดภัยของอาหารสำหรับผู้บริโภค โปรตีนต่างๆที่อยู่ในเลือดจระเข้เป็นองค์ประกอบสำคัญที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงรวมถึงภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับร่างกาย แต่การเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสมหรือระยะเวลาที่ใช้ในการเก็บอาจมีผลต่อคุณภาพโปรตีนเหล่านี้ ดังนั้นจึงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในส่วนของโปรตีนที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในเลือดว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคอย่างแท้จริงต่อไป
ข้อมูล : ผู้จัดการออนไลน์
จระเข้ เป็นสัตว์เศรษฐกิจที่นิยมเลี้ยงเป็นการค้า โดยผลผลิตหลักที่มีการส่งออกไปยังต่างประเทศ ได้แก่ หนังจระเข้ หรือส่วนอื่นๆอย่างเนื้อ กระดูก เครื่องใน รวมถึงเลือดจระเข้ โดยเฉพาะเลือดจระเข้จะเป็นผลผลิตที่เหลือจากอุตสาหกรรมดังกล่าว โดยขณะนี้มีประชาชนทั้งในและนอกประเทศนิยมนำมาบริโภคเป็นอาหารเสริมและบำรุงร่างกาย ทั้งนี้อาจมีเหตุผลเนื่องจากฮีโมโกลบินของจระเข้มีโครงสร้างพิเศษกว่าของคนทำให้จระเข้สามารถดำน้ำได้เป็นเวลานานทั้งที่หายใจด้วยปอดเช่นเดียวกับคนและมีองค์ประกอบภายในเลือดอีกหลายชนิดที่ทำให้จระเข้มีความสามารถในการป้องกันตัวเองจากการบุกรุกของเชื้อแบคทีเรีย โดยจะเห็นได้จากกรณีที่เกิดการต่อสู้กันของจระเข้แล้วเกิดแผลขนาดใหญ่ขึ้น จระเข้ตัวนั้นสามารถอาศัยอยู่ในน้ำที่มีเชื้อโรคจำนวนมากและแผลที่เกิดก็หายสนิทโดยไม่มีการติดเชื้อ
โครงการกระบวนการที่เหมาะสมในการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์เลือดจระเข้แห้ง โดยหนึ่งในทีมวิจัยได้แก่ นายชูศักดิ์ เศรษฐ์สัมพันธ์ ภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.)จึงได้ศึกษาโดยใช้การตรวจสอบทางจุลชีววิทยาเพื่อหากระบวนการที่เหมาะสมในการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์เลือดจระเข้แห้งในรูปของแคปซูล จากการศึกษาทางห้องปฎิบัติการพบว่า เลือดจระเข้มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดและการศึกษาในอัลลิเกเตอร์ซึ่งเป็นจระเข้ชนิดหนึ่งที่พบมากในประเทศสหรัฐอเมริกา แสดงผลการทดลองที่สนับสนุนประสิทธิภาพที่ดีของเลือดจระเข้ในการทำลายแบคทีเรียไวรัสและโพรโทซัว จะเห็นได้ว่าจระเข้เป็นสัตว์สมุนไพรที่สำคัญ มีผู้บริโภคนิยมใช้เลือดของจระเข้เป็นอาหารเสริม โดยเฉพาะในจีน ฮ่องกงและไต้หวัน นิยมบริโภคเลือดจระเข้เพื่อบรรเทาอาการหอบหืด ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการเพิ่มมูลค่าของผลผลิตที่ได้จากจระเข้จึงได้มีการแปรรูปเลือดจระเข้ให้อยู่ในรูปของผลิตภัณฑ์เลือดจระเข้แห้ง
ด้านความปลอดภัยของผู้บริโภคนั้นได้มีการศึกษาพบว่า จระเข้ที่เพาะเลี้ยงใน
ประเทศไทยปราศจากหนอนพยาธิในเลือดและลำไส้ เมื่อทดสอบความปลอดภัยในสัตว์ทดลองโดยให้หนูทดลองบริโภคเลือดจระเข้ทั้งแบบเลือดสดและเลือดแห้งเป็นอาหารเสริม จะไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโลหิตวิทยา ค่าทางชีวเคมีในเลือดและไม่ก่อให้เกิดพยาธิสภาพกับอวัยวะภายในของหนูทดลอง โดยกระบวนการแปรรูปเลือดจระเข้ให้เป็นผลิตภัณฑ์เลือดจระเข้แห้งนั้นจะต้องคัดเลือกวัตถุดิบที่สะอาดมีคุณภาพดี เก็บรักษาภายใต้สภาวะที่ป้องกันการปนเปื้อน มีบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุที่ไม่ทำปฏิกิริยากับอาหารและมีมาตรการประกันคุณภาพของอาหารเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค
วิธีทดลองคร่าวๆ ในโครงการนี้ได้แก่ ศึกษาข้อมูลพื้นฐานกระบวนการเจาะเก็บเลือดจระเข้และการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์เลือดจระเข้แห้ง อาทิ ตรวจวิเคราะห์เลือดจระเข้สด เก็บตัวอย่างเลือดจากจระเข้พันธุ์ไทย ทำการตรวจสอบทางจุลชีววิทยาได้แก่ การตรวจวิเคราะห์จำนวนประชากรจุลินทรี หรือผลิตเลือดจระเข้ภายใต้ความเย็นจัดโดยเก็บเลือดภายใต้ความเย็นจัด จากนั้นระเหิดแห้งเลือดโดยใช้เครื่อง Freeze dryer นำเลือดที่บดละเอียดแล้วมาบรรจุใส่แคปซูลด้วยเครื่องบรรจุแคปซูลกึ่งอัตโนมัติและเปรียบเทียบกับแคปซูลเลือดจระเข้ที่ได้จากการทำแห้งด้วยความร้อน รวมทั้งศึกษาสภาพของแคปซูลเลือดจระเข้แห้งที่เก็บในอุณหภูมิต่างๆทุกสัปดาห์ และวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ
ผลการทดลองโดยสรุปพบว่า การผลิตเลือดจระเข้แต่เดิมจะใช้วิธีใส่เลือดจระเข้ในถาดแล้วตากแดดจนได้เลือดจระเข้แห้ง ซึ่งต่อมาได้พัฒนาโดยการทำแห้งด้วยความร้อนในตู้อบที่ตั้งอุณหภูมิในการอบโดยทั่วไปสูงกว่า 60 องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิสูงที่ใช้นี้ทำให้โครงสร้างของโปรตีนเกิดความเสียหายแล้วในกระบวนการนี้ทำในระบบเปิด ซึ่งมีโอกาสมากในกระบวนการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์เลือดแห้งและก่อให้เกิดผลเสียต่อผู้บริโภคได้ แต่ในการศึกษานี้จะใช้วิธีทำเลือดให้แห้งเพื่อคงสภาพของโปรตีนต่างๆไว้ให้มากที่สุดหรือไม่เปลี่ยนแปลงโดยระเหิดแห้งภายใต้อุณหภูมิเย็นจัดหรือแบบเยือกแข็ง
หนึ่งในทีมวิจัย กล่าวอีกว่า การศึกษาครั้งนี้ใช้เพียงการทดสอบทางจุลชีววิทยาในการหากระบวนการที่เหมาะสมสำหรับการเก็บรักษาเลือดจระเข้แห้ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่ดีของผลิตภัณฑ์ในด้านความสะอาดและความปลอดภัยของอาหารสำหรับผู้บริโภค โปรตีนต่างๆที่อยู่ในเลือดจระเข้เป็นองค์ประกอบสำคัญที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงรวมถึงภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับร่างกาย แต่การเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสมหรือระยะเวลาที่ใช้ในการเก็บอาจมีผลต่อคุณภาพโปรตีนเหล่านี้ ดังนั้นจึงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในส่วนของโปรตีนที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในเลือดว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคอย่างแท้จริงต่อไป
ข้อมูล : ผู้จัดการออนไลน์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น